แนะนำเทคนิคการทำเว็บไซต์ (Blog) เพื่อเปิดสร้างรายได้จาก Google Adsense ได้ในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือน ทั้งหมดนี้จากประสบการณ์ของเราเราเอง เคล็ดไม่ลับที่อยากจะนำมาแบ่งปันสำหรับทุกคนที่กำลังมีความในใจในการสร้างรายได้จากการเขียนบล็อก
เริ่มแรกเลยเราได้จดโดเมน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เพื่อเริ่มต้นทำเว็บไซต์ ซึ่งช่วงแรกเราก็ได้ลงบทความไปเรื่อยๆ และสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ของเราจนมี Traffic เกิน 1000 users ภายใน 2 สัปดาห์แรก หลังกจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเราจึงได้นำเว็บไซต์ไป submit เพื่อที่จะให้ Google Approve เว็บไซต์ของเราเพื่อเปิดรับโฆษณาได้ต่อไป
ในระหว่างที่ submitted ไปเราก็ลงบทความไปเรื่อยๆ ซึ่งเพียงแค่ 2 วัน เราก็ได้รับข่าวดีจาก Google ว่าเว็บไซต์ของเรานั้นได้ผ่านการพิจารณาเพื่อเปิดสร้างรายได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งวันที่เราได้รับอีเมลจาก Google ก็คือวันที่ 29 กันยายน 2564 ซึ่งอยากที่ได้บอกไปว่าเว็บของเราใช้เวลาเพียง 1 เดือนก็สามารถเปิดรับโฆษณาจาก Google ได้ ซึ่งโดยปกติในเว็บก่อนหน้านี้ของเราต้องบอกว่าเราใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 2-4 เดือน เนื่องจาก Google พิจารณาจากหลายๆ ด้านแม้ว่าเว็บของคุณจะมี User Traffic ที่มากเพียงพอแล้ว แต่มันก็อาจจะมีอีกบางปัจจัยที่ทำให้ Google ปฏิเสธการอนุมัติเว็บไซต์ของคุณได้
ถ้าอย่างนั้นไปดูกันเลยว่าเราใช้วิธีการและขั้นตอนอย่างไรในการทำเว็บไซต์หรือ blog ของเรานั้นสามารถผ่านพิจารณาของ Google ได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจัยที่เราสรุปมาให้จะมีดังนี้
User Traffic หรือ จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
ข้อนี้อาจจะเป็นปัจจัยหลักๆ เลยก็ว่าได้ที่ทาง Google ใช้พิจารณาในการอนุมัติเว็บไซต์ ซึ่งจากประสบการณ์ของเรา เราคิดว่า Norm ของ User Traffic ที่ทาง Google ต้องการอย่างต่ำๆ น่าจะอยู่ที่ 1,000 Users Traffic โดยประมาณ
ดังนั้นหากคุณได้มีการลงบทความในช่วงแรกๆ จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการ แชร์บน Social Media ต่างๆ ยิงโฆษณาบทความโดย Facbook หรือ Google วิธีดังกล่าวนี้จะทำให้คุณได้ Traffic ที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากผู้คนที่คลิกอ่านบทความคือผู้ที่สนใจในเรื่องนั้นๆ จริง จึงทำให้เกิด Session ขึ้นบนเว็บไซต์และส่งผลต่อ Site Quality ได้นั้นเอง
การโฆษณาบทความในช่วงเริ่มต้นของการทำเว็บไซต์เป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากเว็บไซต์ใหม่อาจจะอยากต่อการรอ traffic แบบ Organic จาก Search Engine
Content Quality หรือ เนื้อหาบทความที่มีประสิทธิภาพ
คอนเทนต์คือหัวใจสำคัญของการทำเว็บไซต์หรือบล็อก การที่คอนเทนต์ของคุณมีเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพจะเป็นการคัดสรรผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน แถมยังเป็นส่วนช่วยในเรื่องของ SEO (Search Engine Optimization) ได้ดีอีกด้วย เพราะคุณอย่าลืมว่า Crawlers ของ Google นั้น ทำงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อตรวจหาข้อมูลใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตและจะทำการรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นไป index และจัดอันดับหน้าเว็บไซต์
และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรที่จะทำคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ (Unique Content) เป็นเนื้อหาใหม่เขียนขึ้นจากความคิดและด้วยภาษาของคุณเอง การทำคอนเทนต์ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นภาษาที่สละสลวย ขอเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้อ่านอยากรู้ และคลิกอ่านเนื้อหาใช้เวลาบนเว็บไซต์และใช้เวลาอ่านบทความของคุณ
ลักษณะนี้จะทำให้เกิด Bounce Rate ที่ต่ำ ซึ่งการที่เว็บไซต์มี Bounce Rate ที่ต่ำนั้นหมายถึงว่าเว็บของคุณมีบทความที่มีคุณภาพต่อผู้ผ่าน ทำให้ผู้อ่านใช้เวลาในการอ่านบทความของคุณมากกว่าการคลิกเข้ามาแล้วปิดออกไปเลยและทำให้เกิดอัตรา Bouce Rate ที่สูงและส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของคุณ
การคัดลอกบทความจากเว็บไซต์อื่นๆ มาโพสต์ลงบนเว็บไซต์ของตนเอง นอกจากจะไม่ส่งผลดีต่อ SEO ของเว็บไซต์คุณแล้ว ยังถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นอีกด้วยหากเจ้าของบทความนั้นไม่ยินยอม
Content Quantity หรือ จำนวนบทความบนเว็บไซต์
จริงๆ แล้วข้อนี้อาจไม่ใช่ปัจจัยอันดับต้นๆ แต่จำนวนบทความก็ส่งผลต่อ Web Traffic ได้เช่นกัน การมีจำนวนบทความที่เยอะบนเว็บไซต์ย่อมสามารถดึงจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากกว่าการที่คุณมีบทความเพียง 1 หรือ 2 บทความเท่านั้น
ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นของการทำเว็บไซต์หรือ Blog เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอ จึงควรที่จะลงบทความเป็นประจำทุกวันหรืออาจจะทุกๆ 2 วัน เพื่อให้ Crawlers สามารถเก็บข้อมูลจากเว็บของคุณได้อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อหากข้อมูลได้รับการ Index นั่นก็จะส่งผลต่อ SEO อาจมีบางกลุ่มคนที่สามารถค้นหาบทความของคุณเจอบน Google จึงทำให้เว็บไซต์มีจำนวนผู้เข้าชมแบบ Organic ซึ่งนั่นก็จะส่งผลดีต่อการพิจารณาการอนุมัติเว็บไซต์ของคุณสำหรับ Google Adsense ได้ง่ายอีกด้วย
การสร้างปริมาณคอนเทนต์ควรทำไปพร้อมๆ กันกับการสร้าง User Traffic ด้วยหลักการตามที่แนะนำไว้ในข้อ 1
User Experience หรือ ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเว็บไซต์
ประสบการณ์ของผู้ใช้อาจมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการใช้งานของเว็บไซต์ รูปแบบ Layout ของบล็อก รวมถึงเนื้อหาคอนเทนต์ที่สร้างความพึงพอใจต่อการอ่าน ทั้งหมดนี้จะกลายมาเป็น Session และ Bounce Rate ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยในการพิจารณาการอนุมัติเว็บไซต์ของคุณได้ อย่าลืมว่า Google รับค่าโฆษณาจาก ผู้ลงโฆษณาและแน่นอนว่าเพื่อให้การทำโฆษณาของลูกค้าของ Google เกิด Conversion หรือการขายสินค้าหรือบริการได้ นั่นหมายถึงว่า Google จะต้องเลือกเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพและให้ประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้งานเว็บไซต์
เว็บที่มีระยะเวลาการเข้าชมเว็บไซต์ในอัตราที่สูงต่อหนึ่งผู้ใช้งาน นั่นหมายถึงว่ามีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะสามารถเห็นโฆษณาบนเว็บไซต์นั้นๆ เนื่องจากเป็นการโฆษณาแบบ Personalize Ads หรือ Match Content ซึ่งผู้ใช้งานมีความสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นหาอยู่นั้น อาจทำให้เกิดการคลิกเพื่อเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากโฆษณาบนเว็บไซต์ของคุณ ดังนี้จะเป็นการสร้าง Performance ที่ดีให้กับ Google ในการวางโฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ ให้แก่ลูกค้าของตน
ทั้งหมดนี้เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราเอง ซึ่งในความเป็นจริงอาจมีเหตุผลและปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้ Google อนุมัติหรือปฏิเสธการเข้าร่วมเปิดรับโฆษณาของเว็บไซต์คุณได้ อย่างไรก็ตามหวังว่าคุณจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้และสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการอนุมัติภายใน 1 เดือนเช่นกันกับเว็บ seoinneed.com ของเราค่ะ
อีกหนึ่งเคสตัวอย่างล่าสุด
บทความเพิ่มเติม
- Google Search ข้อมูลพื้นฐานทำความเข้าใจก่อนลงมือทำเว็บไซต์
- Earnings at risk วิธีแก้ไขปัญหา ads.txt
- ทำเว็บไซต์ WordPress สอนการตั้งค่า Step by Step