แชร์ประสบการณ์ตรงของการทำเว็บไซต์ กับการดำเนินการเปลี่ยน Theme แล้วส่งผลต่อ SEO ทำให้ Website Traffic ลดลงไปกว่า 50% เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาและตัดสินใจสำหรับผู้ที่กำลังคิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ซึ่งอาจส่งผลต่อเว็บไซต์ของคุณดังต่อไปนี้
เปลี่ยนรูปแบบเว็บไซต์ (Theme) ส่งผลต่อ Website Traffic อย่างไร?
อย่างที่เราทราบกันดีว่าการเปลี่ยน Theme หรือรูปแบบเว็บไซต์นั้นส่งผลต่อ SEO ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอัตราการเข้าชมเว็บไซต์แบบ organic นั้นย่อมลดลงตามไปด้วย โดยผลกระทบนี้มาจากหลายสาเหตุที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยน theme นั่นก็คือ
- การแสดงรูปแบบเนื้อหาคอนเทนต์ ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป เช่น การแสดงส่วนหัวเรื่องของบทความ รูปภาพ ข้อความ และอื่นๆ
- การเชื่อมโยงลิงก์ภายในเว็บไซต์
- Page Speed ของเว็บไซต์ เนื่องจากรูปแบบธีมนั้นๆ อาจมีความช้าเร็วที่แตกต่างกัน
- Content option ตัวเลือกการใช้งานสำหรับคอนเทนต์ในธีมนั้นๆ
- Structure data use โครงสร้างการใช้งานข้อมูลของรูปแบบเว็บไซต์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ การเปลี่ยน ธีม wordpress ส่งผลต่อ SEO ของเว็บไซต์จริงหรือไม่
Case Study เปลี่ยน Theme แล้วทำให้ Website Traffic ลดลง
Case study ในการเปลี่ยน Theme เว็บไซต์ www.seoinneed.com เว็บนี้เป็นเว็บใหม่อายุ 9 เดือนในวันที่เราได้ทำการเปลี่ยน theme ซึ่ง Traffic โดยเฉลี่ยของเว็บไซต์อยู่ที่ประมาณ 200 – 300 กว่า user ต่อวันในการเข้าชมเว็บไซต์
เดิมทีเว็บนี้ใช้ theme ของ airi theme ซึ่งก็ถือว่าเป็น SEO friendly theme เลยทีเดียว หลายๆ บทความบนเว็บไซต์นี้ ติด Top 5 ในหน้าแรกของ Google แต่เนื่องจากรูปแบบการแสดงผลบางส่วนไม่เป็นที่ถูกใจเราจึงได้มองหา theme ใหม่เพื่อใช้งานกับเว็บไซต์นี้ ซึ่งก็ได้มาเจอกับ Sydney Theme เป็น Theme ที่มีรูปแบบการใช้งานและการแสดงผลตรงตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับ SEO จากการเปลี่ยนแปลง Theme WordPress
ทุกๆ การเปลี่ยนแปลงบนเว็บไซต์สามารถส่งผลต่อ SEO หรือการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์บน google ของคุณได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลดีหรือแย่ แต่ที่แน่ๆ สำหรับกรณีที่เรานำมาเสนอในบทความนี้ถือเป็นการยืนยันได้ว่า การเปลี่ยน Theme WordPress ส่งผลเสียต่อ SEO สำหรับเว็บไซต์
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม เราได้ทำการเปลี่ยน theme รูปแบบเว็บไซต์ใหม่ซึ่งตามรีพอร์ตด้านล่างนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า Traffic การเข้าชมเว็บไซต์ (90% เป็น organic traffic) ได้หายไปมากกว่า 50%
ตามรีพอร์ตในช่วงระยะเวลาที่หายไป 100% นั้นคือ code analytics ที่ใส่ไว้ใน theme เดิมถูกลบออก ดังนั้นจึงทำให้ช่วงดังกล่าวไม่มีการเก็บข้อมูล จนเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เมื่อได้เข้าเช็ค traffic ของเว็บไซต์นี้ ทำให้พบว่าอัตราการเข้าชมเป็น 0 เราจึงได้รีบทำการแก้ไขโดยการเพิ่ม code google analytics เข้าไปใน theme ใหม่ เพื่อให้เว็บไซต์เริ่มเก็บข้อมูลผู้เข้าชมอีกครั้ง
หลังจากเปลี่ยน Theme แล้ว Traffic หายไปมากน้อยเพียงใด?
หลังจากที่ได้เพิ่ม code Google Analytics ไปบน theme ใหม่ที่พึ่งติดตั้งนี้ รีพอร์ตก็เริ่มกลับมา ซึ่งเราพบว่าจำนวน traffic ในแต่ละวันนั้นลดลงไปเกินครึ่งถึง 66% เลยทีเดียว เมื่อเช็คผลการค้นหาในแต่ละ keyword บน google ก็พบว่าหลายคอนเทนต์บนเว็บไซต์ที่เคยอยู่ในหน้าแรกอันดับ top 5 ก็ได้หายไปด้วยเช่นกัน
จริงอยู่แม้ว่าหลังจากเปลี่ยน theme แล้ว SEO ของเว็บไซต์ก็จะกลับมาอย่างแน่นอน หากเราได้ทำการปรับแต่ง On-Page SEO ไว้ในแต่ละโพสต์ซึ่งอาจจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ 1 เดือน หรือมากสุดก็คือ 6 เดือน แต่คุณจะอยากเสียโอกาสนั้นไปหรือสำหรับเว็บไซต์ที่เคยอยู่ในอันดับต้นๆ แต่ต้องหล่นไปต่อท้ายคิวเพื่อใช้เวลาในการจัดอันดับให้เว็บไซต์กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม
สิ่งที่ควรทำหลังจากเปลี่ยน Theme เว็บไซต์
- เชื่อมต่อ code ต่างๆ เช่น Google Analytic, Adsense, Search Console สำหรับมือใหม่แนะนำให้ใช้ Site kit by Google เพื่อการเชื่อมต่อได้อย่างอัตโนมัติ
- เบื้องต้นให้ดำเนินการ submit sitemap บน google search console ใหม่อีกครั้งเพื่อให้ google ทำการ crawling หน้าเว็บโฉมใหม่นี้
- ทดลองความเร็วของการโหลดหน้าเว็บ Page Speed Insights
ทั้งหมดนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากจะบอกกับทุกคนว่าเราไม่ควรที่จะเปลี่ยน theme หากเว็บของคุณมี Website Traffic ที่ค่อนข้างสูงและได้รับการจัดอันดับอยู่ในหน้าแรกหรืออันดับต้นๆ ของผลการค้นหาบน Google เพราะการเปลี่ยน Theme อาจไม่ส่งผลดีต่อ SEO เว็บไซต์ของคุณเลยแม้แต่น้อย
คำแนะนำ
ในระหว่างการเริ่มต้นทำเว็บไซต์ช่วงแรกๆ ที่เนื้อหาคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคุณยังไม่ติดอันดับบน Google คุณจึงจำเป็นที่จะต้องค้นหาและทดลองใช้ theme ที่คุณถูกใจ และเป็น SEO Friendly Theme เพราะเมื่อคุณตัดสินใจเลือกใช้แล้วคุณจำเป็นที่จะต้องใช้ไปยาวๆ ควบคู่ไปกับการรักษาอันดับ Ranking หน้าเว็บไซต์ของคุณไว้นั่นเอง