สอน SEO เพื่อให้การทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถขึ้นไปอยู่บนอันดับหนึ่งหรือติดหน้าแรกของ Google ได้ ด้วย 8 checklist สำหรับ SEO สำรวจดูว่าคุณได้ให้ความสำคัญกับทั้งหมดนี้ไปแล้วมากน้อยเพียงใด
8 ขั้นตอน สอน SEO ทําอย่างไรให้เว็บติดอันดับต้นๆของ google
- ใช้ URL ที่สั้น
- เลือก Keyword ที่เหมาะสม
- Optimize Tag title (หัวข้อเรื่อง)
- ใส่ outbound link ไปยังเว็บภายนอก
- ใส่ internal link ภายในโดเมนเดียวกัน
- Optimize รูปภาพ หรือ วิดีโอ
- ใส่แท็กที่เกี่ยวข้อง
- Optimize on page SEO
1) URL (Slug)
อย่างที่เราได้พูดไปอยู่เสมอว่าการเลือกใช้ URL ที่สั้นนั้นช่วยทำให้ Page หรือ บทความนั้นๆ สามารถ rank บน Google ได้ดีมากกว่าการมี URL ที่ยาว หรือ URL ที่ไม่ได้รับการปรับแต่งนั่นเอง เนื่องจากว่าความสำคัญของ URL นั้นเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ Google’s algorithms ใช้ในการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์นั้นๆ
การ Optimize URL โดยการกำหนด Slug นั้นจึงควรใช้คำที่กระชับหรือใช้ keyword เลยได้ยิ่งดี
ตัวอย่างเช่นการเลือกใช้ URL
อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้ URL ภาษาไทยได้หากนั่นเป็นความต้องการของคุณ เพียงแต่อาจจะต้องตัดเอา keyword ที่สำคัญๆ เท่านั้นให้ได้ความหมายอย่างกระชับ
ข้อควรระวัง: หากคุณได้มีการใช้ URL ที่ไม่ได้ผ่านการ Optimized ไปแล้ว ใน page หรือ post ของคุณผ่านมาเป็นเวลานาน คำแนะนำคือไม่ควรที่จะกลับไปแก้ไข URL เหล่านั้น เพราะเนื่องจากมันจะส่งผลในด้านลบมากกว่านั่นเองจากที่เว็บคุณอาจจะติดอันดับอยู่ที่หน้าสามหน้าสี่ ถ้าหากคุณกลับไปแก้ไข URL ใหม่ ข้อมูลหน้านั้นอาจกลับไปอยู่บนอันดับท้ายๆของ Google เลยก็เป็นได้
2) Keyword หรือ คำค้นหา
ในการเขียนบทความหรือทำเว็บไซต์ คุณจะต้องมีการกำหนด Keywords หรือทำ research เกี่ยวกับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาคอนเทนต์หรือข้อมูลบนเว็บไซต์ ซึ่งหลักการและเทคนิคนั้นก็มีมากมายหลากหลายวิธี หรือเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของแต่ละคนที่อาจจะมีทักษะในแง่ของการวิเคราะห์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นคุณจึงจำเป็นมากในการใช้ Keyword tools ต่างๆ เพื่อช่วยในการค้นหา Keywords ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์หรือบทความที่คุณกำลังจะเขียนขึ้น
ซึ่งนอกจาก Google Trends ที่คุณสามารถค้นหา Keywords ได้ฟรีๆ แล้ว เรามีอีกหนึ่งเครื่องมือที่อยากจะนำมาแนะนำนั่นก็คือ Keyword Surfer ซึ่งเป็น Chorme Extionsion ที่จะทำให้ค้นหาสามารถค้นหา Keywords พร้อมกับรายงานผล CPC และ Search volume สำหรับใครที่ทำ google Adsense เพื่อให้คุณเข้าถึงข้อมูลสถิติได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
3) Tag title
ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO สำหรับ YouTube หรือว่าเว็บไซต์ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญก็คือการ Optimize Tag Title (การกำหนดหัวข้อเรื่อง) เพราะใน Tag title เป็นมีส่วนเชื่อมโยงโดยตรงกับ Keywords และเนื้อหาคอนเทนต์ อีกทั้งการเลือกใช้ Tag title ที่มีอัตราการค้นหาที่สูงก็ย่อมสามารถทำให้มีผู้เข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้ง่าย และนั่นก็เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันในกระบวนการของการทำ SEO
ซึ่งหลักการในการ Optimize Tag title หรือหัวข้อเรื่องนั้น ก็มีปัจจัยหลักๆ ดังนี้
- ความยาวของหัวข้อเรื่องที่ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
- ต้องไม่ลืมที่จะสอดแทรก Keywords ในหัวเรื่อง โดยขึ้นต้นด้วย Keyword หลักอยู่เสมอถ้าเป็นไปได้
- ใส่แบรนด์ห้อยท้าย เพื่อสร้าง awareness
- ต้องมีความเชิญชวนสร้างความสนใจเพื่อคลิกเข้าไปอ่าน
- มีความ Unique ไม่ควรใช้หัวข้อเรื่องซ้ำๆ ในเว็บเดียวกัน
4) Outbound Link
การใส่ Outbound link หรือ Backlink ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของข้อมูลเว็บไซต์ให้แก่ผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านได้ รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์คุณได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
การที่เว็บของคุณมีการชี้ไปยังเว็บอื่นๆภายนอก นั่นหมายถึงว่า ข้อมูลที่คุณเขียนขึ้นมานั้นมีแหล่งอ้างอิงที่คล้ายคลึงกันและเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยที่จะใส่ Outbound link ในบทความของคุณ เพราะมันอาจมีความสำคัญเกี่ยวกับบางเนื้อหาที่ผู้อ่านอาจจะต้องการข้อมูลนั้นเพิ่มเติมที่คุณอาจไม่สามารถอธิบายทั้งหมดได้
5) Internal Link
การใส่ internal link หรือ link building คือการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเว็บไซต์ของตนเอง ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยทำให้เกิดผลลัพธ์เกี่ยวกับ SEO ที่ดีหากมีการเชื่อมโยง internal link อย่างถูกต้อง หมายถึงว่าหากคุณต้องการที่จะใส่ internal link ในบทความใดบทความหนึ่งบนเว็บไซต์ของคุณ คุณจะต้องมั่นใจว่า link ที่คุณจะนำมาใส่นั้นจะต้องเป็นเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน
และมันจะดีมากๆ ถ้าหาลิงก์นั้นเป็นลิงก์ที่ติดอันดับบน Google เพราะมันจะทำให้ Goole สามารถเข้าใจเนื้อหาใหม่ของคุณที่กำลังจะเผยแพร่สู่โลกของอินเทอร์เน็ตได้ดีมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายก็คือบทความใหม่นี้อาจจะสามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของผลการขึ้นหาด้วยเวลาไม่นานได้เช่นกัน
6) Optimize รูปภาพ หรือวิดีโอ
บ่อยครั้งที่ผู้ใช้งาน Google ค้นหาข้อมูลโดย รูปภาพ หรือ วิดีโอ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่คุณสามารถสร้างการเข้าถึงข้อมูลเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่าย ซึ่งหลายคนอาจจะละเลยตรงนี้ไป
ดังนั้นหากคุณมีรูปภาพหรือวิดีโอที่จะนำไปใส่ในบทความหรือเว็บไซต์ คุณจะต้องไม่ลืมการปรับแต่งหรือ Optimize สื่อต่างๆ ก่อนที่จะทำการอัปโหลดขึ้นไปยังบนเว็บไซต์ โดยจะต้องมีการกำหนดชื่อที่สอดคล้องกับเนื้อหาคอนเทนต์ ขนาดรูปภาพที่ไม่ใหญ่และหนักจนเกินไป การใส่ Alt text เพื่อให้ Google เข้าใจได้ว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวข้องกับอะไรสำหรับการค้นหา
ซึ่งเรามีวิธีและหลักการในการ Optimize รูปภาพ มาฝาก รายละเอียดในบทความด้านล่างนี้
7) ใส่ Tag ที่เกี่ยวข้อง
บ่อยครั้งที่คุณอาจจะละเลยในส่วนนี้ไป แต่รู้หรือไม่ว่า Tag ก็สามารถกลายมาเป็น Keyword ที่จะนำพา traffic เข้ามาสู้เว็บไซต์ของคุณได้อย่างมากเลยทีเดียว หากคุณจะเขียนบทความสักหนึ่งบทความ ก็อย่าลืมที่จะใส่แท็ก หรือคำค้นหาที่ใกล้เคียง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งาน internet เข้าถึงข้อมูลได้อีกหนึ่งช่องทาง
8) On-Page SEO
หากคุณดำเนินการไปทั้ง 7 ข้อนั้นแล้ว อันดับสุดท้ายให้คุณกลับไปตรวจสอบส่วนต่างๆทั้งหมดด้วยวิธีการของ On-Page SEO ซึ่งในขั้นตอนนี้ต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณได้ติดตั้งเครื่องมือปรับแต่ SEO ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ทางเว็บไซต์ของเราใช้งานอยู่นั้นก็คือ Yoast SEO สามารถดูขั้นตอนการติดตั้ง Plugin พร้อมทั้งวิธีการปรับแต่ง SEO ได้ที่วิดีโอด้านล่างนี้
ทั้งหมด 8 ปัจจัยข้างต้นนี้ที่เราอยากนำมาแนะนำและแบ่งปันสำหรับผู้ที่กำลังทำเว็บไซต์และต้องการที่จะปรับแต่ง SEO เพื่อให้เว็บใหม่ไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหาบน Google ภายในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป และสุดท้ายนี้ อย่าลืมสิ่งสำคัญในการทำ SEO คือ คุณจะต้องมีการทดสอบและ optimize อยู่เสมอๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจแก่เว็บไซต์ของคุณ
บทความเพิ่มเติม
- หารายได้ออนไลน์ เทคนิคเขียนบล็อคด้วย Keyword สร้างเงิน
- สร้างเว็บไซต์เปิดรับโฆษณา Google Adsense ได้ ภายในเวลาไม่ถึงเดือน
- ทําช่องยูทูป วิธีอัพโหลดให้คนค้นเจอวิดีโอของคุณ (YouTube SEO)
ทําช่องยูทูป วิธีอัพโหลดให้คนค้นเจอวิดีโอของคุณ (YouTube SEO)
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก moz.com, www.semrush.com